ดอกบัวอบแห้ง: การทำดอกไม้แห้ง คุณต้องการที่จะให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยดอกไม้ท่ามกลางฤดูหนาวหรือเปล่า? คุณสามารถถนอมดอกไม้ที่คุณชอบไว้ที่บ้านได้อย่างแน่นอน มีหลายวิธีที่จะทำดอกไม้แห้งและส่วนหนึ่งของความสนุกคือการลองหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละสายพันธุ์ของดอกไม้นั่นเอง
Step 1 เลือกดอกไม้.
ดอกไม้ส่วนใหญ่จะแห้งได้ดีที่สุดเมื่อพวกมันเริ่มบาน พวกมันจะยังคงบานต่ออีกเล็กน้อยในขณะที่กำลังแห้ง และดอกไม้ที่บานเต็มที่กลีบอาจร่วงง่าย วิธีนี้เหมาะสำหรับดอกไม้ขนาดเล็ก มีความทนทาน เช่น ลาเวนเดอร์และดอกลาร์คสปอร์
อาการเหี่ยวเฉาและศัตรูพืชจะดูชัดเจนมากขึ้นหลังจากทำให้แห้งแล้ว เลือกเฉพาะดอกไม้ที่ดีที่สุดและแยกดอกที่มีปัญหาออก
Step 2 เตรียมช่อดอกไม้.
เด็ดใบบนก้านดอกออกทั้งหมด แยกพันธุ์ดอกไม้ แล้วมัดเป็นช่อให้มากกว่า 10 ดอกต่อหนึ่งชนิด ดอกไม้ขนาดใหญ่ เช่น ไฮเดรนเยีย, ดอกกุหลาบและดอกโบตั๋นควรจะตากแยกแบบเดี่ยวแทน
ดอกกระดาษ (ดอกบานไม่รู้โรยฝรั่ง) และดอกไม้บางชนิด มีก้านที่อ่อนแอแตกง่ายเมื่อมันแห้ง ให้ตัดก้านมันออกและเสียบลวดแทนที่ฐานของดอกไม้
Step 3 มัดปลายของแต่ละช่อด้วยหนังยาง.
พันหนังยางเส้นใหญ่รอบสองหรือสามก้าน พันอีกหลายๆ ครั้งครอบทั้งมัด จากนั้นพันอีกสองสามก้านที่เหลือ ก้านดอกจะหดตัวลงขณะที่แห้ง แต่หนังยางก็ยังคงรัดรอบพวกมันอย่างแน่นหนาอยู่
หนังยางไม่ควรรัดแน่นนักเพื่อที่จะไม่ทำให้ก้านงอ ซึ่งอาจทำให้เกิดความชื้นและทำให้เน่าได้ หากคุณกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้จะผูกมันด้วยเชือกหรือราฟเฟียร์ (ใบแห้งของปาล์มชนิดหนึ่ง) แทนก็ได้ คุณอาจต้องผูกใหม่อีกครั้งเมื่อตากดอกไม้ไปได้ครึ่งทางแล้ว
Step 4 แขวนช่อดอกไม้คว่ำลง.
เก็บไว้ในที่ที่อบอุ่น, มืด และแห้งเพื่อป้องกันการเน่าเหี่ยวและสีที่จะจางลงการปล่อยให้อากาศถ่ายเทจะช่วยให้ดอกไม้แห้งและป้องกันเชื้อรา เว้นระยะห่างของช่อดอกไม้เพื่อให้ลมผ่านอย่างน้อย 15 ซม. จากเพดาน
คุณสามารถแขวนดอกไม้ไว้กับตะขอ, ตะปู หรือไม้แขวนเสื้อก็ได้ อีกทางเลือกหนึ่งที่ง่ายคือนำคลิปหนีบกระดาษมางอเป็นรูปตัว S แทงปลายด้านหนึ่งให้ทะลุหนังยางและแขวนปลายอีกด้านไว้กับตะขอ
Step 5 รอประมาณ 2-4 สัปดาห์.
ดอกไม้จะพร้อมเมื่อกลีบดอกดูกรอบในตอนที่สัมผัสมัน บางช่ออาจใช้เวลานานกว่าสี่สัปดาห์ โดยปกติจะเป็นเพราะสถานที่ไม่เหมาะหรือกลีบดอกมีความหนากว่าปกติ
โดยปกติก้านที่แห้งสนิทจะตั้งตรง ถ้าคุณต้องการให้ดูเป็นเส้นโค้ง เป็นธรรมชาติมากขึ้น ให้จุ่มก้านลงในน้ำอุ่นจนก้านอ่อนลง บิดให้มันโค้งงอตามที่ต้องการ และถ่วงพวกมันไว้ในตำแหน่งที่ต้องการจนกว่าพวกมันจะแห้ง
Step 6 คงสภาพพวกมันด้วยสเปรย์ฉีดผม (ไม่จำเป็น).
ละอองของสเปรย์ฉีดผมละอองลอย หรือน้ำยาเคลือบดอกไม้ (Floral sealer) จะกำหนดรูปทรงของดอกไม้ ซึ่งจะทำให้โอกาสที่พวกมันจะแตกออกหรือกลีบร่วงนั้นลดลง
Step 1 เลือกดอกไม้.
การอบด้วยไมโครเวฟเหมาะกับดอกไม้ที่มีกลีบดอกมากและไม่มีขนหรือผิวที่เหนียว ดอกกุหลาบ ดอกบานชื่น และดอกดาวเรืองนับเป็นตัวเลือกที่ดี แต่สายพันธุ์ที่มีกลีบดอกหนาวิธีนี้อาจจะใช้ไม่ค่อยได้ผล
สำหรับวิธีนี้ ให้ตัดก้านให้สั้น ประมาณ 2.5-5 ซม.
Step 2 พันดอกไม้ด้วยลวด (ไม่จำเป็น)
ตัวก้านจะไม่มีความยืดหยุ่นหลังจากที่เข้าอบในไมโครเวฟ หากคุณต้องการให้ดอกไม้มีความโค้ง จัดการนำมาพันด้วยลวด วัดฐานของดอกไม้แล้วพันลวดเป็นเกลียวรอบก้าน แม้ว่ามันจะไม่ดีนักที่นำโลหะเข้าไปในเตาอบไมโครเวฟ
หากดอกไม้ไม่มีฐานที่หนา เสียบลวดผ่านศูนย์กลางของดอกและในก้าน ดันมันลงเท่าที่คุณสามารถทำได้เพื่อซ่อนลวดไว้
Step 3 เทสารดูดความชื้นลงในภาชนะที่ใช้กับไมโครเวฟได้ปลอดภัย....
เทสารดูดความชื้นลงในภาชนะที่ใช้กับไมโครเวฟได้ปลอดภัย. สารดูดความชื้นเป็นสารที่มีไว้ดูดซับความชื้น ซิลิกาเจลเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับกลีบที่ละเอียดอ่อนและมีสีสัน แต่คุณสามารถใช้ทรายแมวแทนได้ หรือผสมบอแร็กซ์เข้ากับข้าวโพด ในปริมาณ 50/50 ในภาชนะที่ลึกประมาณ 2.5-5 ซม.
Step 4 ฝังดอกไม้ภายใต้สารดูดความชื้น.
ระวังเรื่องตำแหน่งของดอกไม้ เว้นพื้นที่ด้านขวาอย่างน้อย 2 ซม. ของช่องว่างระหว่างดอก ค่อยๆ เทสารดูดความชื้นเพิ่มจนกว่าจะกลบดอกไม้ได้
ใช้ไม้จิ้มฟันจัดเรียงกลีบถ้าพวกมันเกิดการบิดงอ
เริ่มต้นเพียงหนึ่งหรือสองดอกในกรณีที่พวกมันไหม้ ซึ่งจะง่ายขึ้นด้วยการเรียนรู้วิธีการและเวลาที่ใช้ในการอบแห้งของแต่ละดอก
Step 5 ใส่ถ้วยน้ำในไมโครเวฟ.
แยกถ้วยใส่น้ำตื้นๆ เพื่อดูดซับพลังงานบางส่วนของไมโครเวฟ วิธีนี้จะทำให้เกิดโอกาสในการเผาไหม้หรือการแห้งเกินไปนั้นน้อยลง
Step 6 อบด้วยไมโครเวฟ.
ใส่ภาชนะเข้าไปในไมโครเวฟและอบเป็นเวลา 2 นาที เขี่ยสารดูดความชื้นออกด้วยไม้จิ้มฟันเพื่อดูว่าดอกไม้แห้งหรือไม่ ถ้าไม่ อบพวกมันต่ออีก 1 นาทีหลังจากตรวจสอบแต่ละดอกแล้ว
ขั้นตอนนี้อาจมีข้อผิดพลาดและใช้เวลามากในการทดลอง เนื่องจากมีการแปรผันอย่างมากระหว่างดอกไม้และไมโครเวฟ ดอกไม้บอบบางบางดอก เช่น ดอกเดซี่ จะทำได้ดีในการตั้งค่าไมโครเวฟต่ำ เพียงแค่เหนือจุดเดือด สายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีหลายกลีบสามารถใช้เวลานานถึง 8 นาทีในอุณหภูมิระดับกลางหรือสูง
นำภาชนะออกจากไมโครเวฟ ครอบภาชนะแง้มฝาไว้เล็กน้อยและทิ้งไว้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง สารดูดความชื้น (โดยเฉพาะซิลิกาเจล) สามารถใช้ได้นานในการระบายความร้อนที่อุณหภูมิปกติ
พักดอกรักเร่, ดอกแพนซี และดอกโบตั๋นทิ้งไว้ 36 ชั่วโมงแทน ดอกที่มีขนาดใหญ่และหนา เช่น ดอกกุหลาบและดอกคาร์เนชั่นอาจจะพร้อมในไม่ถึง 10 ชั่วโมง
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์
ตอนที่ภาชนะเย็นแล้ว ให้ปัดมันออกเบา ๆ เพื่อให้ดอกไม้เผยออกมา ค่อยๆ ดึงดอกไม้ออก แล้วประคองพวกมันจากด้านล่าง จากนั้นแปรงพวกมันออกด้วยแปรง
ถนอมพวกมันด้วยการฉีดสเปรย์ผมหรือสารคงสภาพดอกไม้
การทับดอกไม้จะทำได้ดีที่สุด เมื่อใช้ดอกไม้ที่มีขนาดเล็กและแบนเช่น ดอกแพนซี่ และไลแลค ควรหลีกเลี่ยงการใช้ดอกไม้ที่มีก้านอ้วนๆ หรือที่มีกลีบบาง ซึ่งจะได้รับความเสียหายได้ง่าย
วางบนกระดาษที่มีผิวด้าน ไม่มันเงา เช่นหนังสือพิมพ์, กระดาษแข็งหรือกระดาษทิชชู่ จัดดอกไม้ของคุณแล้ววางแผ่นกระดาษแห้งอีกแผ่นไว้ด้านบน
ยิ่งใช้วัสดุที่มีการดูดซึมดีมากเท่าไร ก็จะยิ่งได้ดอกไม้ออกมาดีเท่านั้น ลองวางดอกไม้ไว้ระหว่างหนังสือพิมพ์ วางหนังสือพิมพ์ระหว่างกระดาษซับ และวางกระดาษซับระหว่างกระดาษลูกฟูก จากนั้นรัดเทปปิดให้เป็นกองรวมๆ ไว้
วางพวกมันใต้สิ่งที่มีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักเสมอกันทั้งตัววัตถุ โดยปกติแล้ว จะใช้พจนานุกรม หรือสารานุกรม แต่คุณสามารถใช้กล่องหนักๆ หรือแผ่นไม้ก็ได้เช่นกัน
วางซ้อนกันและเก็บในที่อุ่นและแห้ง
หลังจากสัปดาห์แรก ให้นำดอกไม้ออกและเปลี่ยนกระดาษแผ่นใหม่ ที่มีความแห้ง แล้วใส่ดอกไม้กลับเข้าไปเหมือนเดิม
หลังจากที่ดอกไม้ถูกทิ้งไว้ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นำวัตถุที่ถ่วงไว้และกระดาษออก และดึงดอกไม้ของคุณออกมา พวกมันควรจะกรอบและบางเหมือนกระดาษ และมีความโปร่งใส
ตัดลวดตาข่ายสำหรับทำกรงไก่หรือลวดตาข่ายแบบดัดได้ในขนาดที่ใหญ่พอสำหรับดอกไม้ทั้งหมดของคุณ จากนั้นวางดอกไม้พาดช่องว่างของตะแกรงเพื่อให้ดอกไม้ตั้งขึ้นในขณะที่ลำต้นห้อยลงด้านล่าง
ดอกไม้ที่เหมาะที่สุดที่สำหรับการอบแห้ง คือดอกที่มีขนาดกะทัดรัด มีหลายกลีบ รวมถึงดอกคอร์นฟลาวเวอร์ และเบญจมาศด้วย
วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิที่ต่ำเป็นเวลาหลายชั่วโมง. เมื่อเตาอบลมร้อนของคุณร้อนถึง 38ºC แล้ว ให้ใส่ตะแกรงที่เรียงดอกไม้ไว้บนชั้น ดอกไม้จะแห้งช้าๆ ในอุณหภูมิที่ต่ำ ให้ปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลาหลายชั่วโมงในเตาอบ การใช้เวลาอบแห้งจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนของดอกไม้ที่คุณใช้
เตาอบรมร้อนที่ระบายอากาศได้ดีจะใช้งานได้ดีที่สุด ห้ามใช้เตาอบปกติเด็ดขาด เตาอบปกติมีความชื้นมากเกินไปและมีอุณหภูมิต่ำสุดที่สูงกว่า 38ºC
เมื่อดอกไม้แห้งสนิทแล้ว คุณก็สามารถนำออกจากเตาอบและพักไว้บนตะแกรงให้มันเย็นลง รอจนกว่าพวกมันจะเปลี่ยนกลับเป็นอุณหภูมิห้องก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนต่อไป
ใช้สเปรย์ผมหรือสารคงสภาพดอกไม้เพื่อความแข็งแรงทนทานของดอกไม้แห้ง
วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะกับการทำดอกไม้ขนาดใหญ่ และมีความละเอียดอ่อนให้แห้ง เช่น ดอกลิลลี่ ตราบใดที่กลีบดอกไม้พวกนั้นไม่ร่วงง่ายเกินไป ถ้าให้ดีควรเลือกดอกไม้ที่กำลังบานเพียงครึ่งเดียวและนำมาทำดอกไม้แห้งทันที
สารดูดความชื้นเป็นวัสดุพิเศษที่สามารถดูดซึมน้ำออกจากดอกไม้ของคุณได้อย่างช้าๆ ไม่ว่าจะเลือกสารดูดความชื้นแบบไหนมา มันก็ต้องแห้งสนิท ถึงจะให้ผลได้อย่างดี และนี่เป็นตัวเลือกที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้:
ซิลิกาเจล: ตัวเลือกที่เร็วที่สุดที่มีอยู่ในร้านทำสวนทั่วไป แม้ว่าจะมีราคาแพงแต่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายรอบด้วยกัน
บอแร็กซ์และเกล็ดข้าวโพดสีขาว: เป็นตัวเลือกที่ราคาถูกและมีน้ำหนักเบา ผสมในปริมาณเท่ากันหรือผสมบอแร็กซ์ 1 ส่วนต่อเกล็ดข้าวโพด 6 ส่วน มันให้ผลไม่ต่างกันมากหรอก
ทรายละเอียด: ใส่เพียงเพื่อรองรับรูปทรงของดอกไม้ มันจะช่วยให้ระบายอากาศให้เข้ามาทำให้ดอกไม้แห้งได้ ถึงจะเป็นตัวเลือกที่ช้าที่สุด แต่บางทีก็เป็นตัวเลือกที่ถูกที่สุดเช่นกัน
บางคนแนะนำว่าเกลือจะช่วยคงสีกลีบของดอกไม้ไว้ได้ แม้ว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยก็เถอะลองใส่เกลือ 3 ช้อนโต๊ะต่อวัสดุที่ใช้ (15 มิลลิลิตรต่อลิตร)
หากคุณมีวัสดุดูดความชื้นจำนวนมาก ให้เลือกใช้ภาชนะที่สามารถใส่ต้นที่ตั้งตรงของมันได้ทั้งหมด คนส่วนใหญ่จะเก็บวัสดุดูดความชื้นและตัดก้านดอกที่เกินจากภาชนะที่ใส่ออก วัสดุที่แตกต่างกันจะมีการจัดการที่ต่างกันเล็กน้อย ดังนี้:
สำหรับซิลิกาเจล ให้ใช้ภาชนะสุญญากาศ กระป๋องกาแฟเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการทำดอกไม้แห้งดอกเดียว
สำหรับสารบอแร็กซ์หรือทราย ควรใช้ภาชนะเปิด กล่องกระดาษแข็งที่แข็งแรงก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ต้องตรวจสอบฐานกล่องก่อนนะ
เทวัสดุของคุณลงในภาชนะที่ระดับความลึก 2.5- ซม. วางดอกไม้ลักษณะที่ตั้งขึ้นในวัสดุดูดความชื้น ให้แน่ใจว่าพวกมันไม่เอนไปด้านใดด้านหนึ่ง โปรยหรือค่อยๆ เทสารดูดความชื้นลงด้านบนจนกว่าพวกมันจะถูกฝังกลบ
ถ้าใช้ทราย คุณไม่จำเป็นต้องฝังดอกไม้จนมิด โดยส่วนใหญ่ทรายจะช่วยดูดความชื้นอยู่แล้ว และการอากาศที่ไหลเวียนเข้ามาก็สามารถช่วยให้กลีบแห้งได้
ดอกไม้จากตระกูลเดซี่จะแห้งได้ดีที่สุดเมื่อคว่ำดอกลง ดอกไม้บางชนิด อย่างเช่น ดอกลิ้นมังกรและเดลฟินเนียม จะแห้งได้ดีที่สุดเมื่อวางในแนวนอน
ถ้าก้านดอกยังคงติดแนบอยู่ ให้เติมลงในภาชนะให้ลึกที่สุดเท่าที่จำเป็นเพื่อคงมันเอาไว้
เก็บภาชนะในที่อุ่นและแห้ง หากใช้ภาชนะเปิด ให้เก็บไว้ในห้องที่ถ่ายเทอากาศได้ดี ตรวจสอบหลังจากนั้นไม่กี่วัน โดยใช้ไม้จิ้มฟันในการตรวจดูกลีบและทดสอบความแห้ง
ซิลิกาเจลเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการอบแห้งดอกไม้ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาเพียง 2-4 วันในการแห้งสนิท ขณะที่ดอกที่มีความหนาอาจใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์เมื่อซิลิกาเจลสีเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู แปลว่ามันดูดซึมความชื้นได้มากสุดเต็มความสามารถแล้วนั่นเอง
บอแร็กซ์ผสมจะใช้เวลา 5-14 วันในการทำให้ดอกไม้แห้ง
ทรายจะใช้เวลานานที่สุดของวิธีการทั้งหมด โดยมักจะใช้เวลาประมาณ 14-21 วัน.
เคาะภาชนะด้านข้างและตบๆ ด้านข้างจนดอกไม้เผยออกมา ค่อยๆ นำดอกไม้แห้งออกมาจากใต้สารดูดความชื้นที่ใช้ ปัดสารพวกนั้นออกด้วยแปรงขนาดเล็ก
ถ้าวัสดุติดกับดอกไม้ เททรายเหนือส่วนดอกประมาณ 30 ซม วิธีนี้จะทำให้มันหลุดออกจากกัน
การนำดอกไม้ออกมาเร็วเกินไป จะทำให้ดอกไม้เฉาได้ ให้ทดสอบก่อนเพื่อความแน่ใจว่ามันแห้งกรอบจนให้ความรู้สึกเหมือนกระดาษก่อนที่คุณจะหยิบมันขึ้นมา
น้ำยาคงสภาพดอกไม้หรือสเปรย์ฉีดผมจะช่วยป้องกันไม่ให้ดอกไม้แตกสลาย
เคล็ดลับ
คุณสามารถอบแห้งดอกสำหรับตกแต่งที่มีเกสรใหญ่ได้เช่นกัน เช่นดอกป๊อปปี้หรือดอกรักในสายหมอก กะขนาดลวดเล้าไก่หรือตาข่ายตอกยึดกับผิวของไม้กระดานสองแผ่นตามแนวนอน แล้วหย่อนเกสรลงในหลุมให้ก้านดอกชี้ขึ้นบนอากาศ
ดอกไม้แห้งของคุณจะออกมามีเฉดสีที่เข้มขึ้น ดอกสีขาวอาจจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มในขณะที่ดอกไม้สีแดงหรือสีม่วงจะเป็นสีดำ ดอกไม้สีเหลืองก็มักจะเป็นเหมือนกัน
ซิลิกาเจลจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเมื่อมีการดูดความชื้น การทำให้เจลแห้งและนำกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ให้กระจายเม็ดเจลบนถาดอบและนำเข้าในเตาอบที่อุณหภูมิ 121ºC ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
คำเตือน
ดอกไม้จะเริ่มเหี่ยวลงทันทีที่พวกมันถูกเด็ด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ให้นำดอกไม้มาตากแห้งทันทีหลังจากที่ตัดพวกมันออกจากต้น