บริการทำความสะอาด: ทำความสะอาดออฟฟิศเป็นประจำ ทำไมถึงยังต้องทำ Big Cleaningหลายท่านที่มีธุรกิจและมีออฟฟิศเป็นของตัวเองอาจมีข้อสงสัยว่า ใช้บริการแม่บ้านประจำออฟฟิศที่ทำความสะอาดออฟฟิศเป็นประจำอยู่แล้ว ทำไมถึงยังต้องใช้บริการบริษัททำความสะอาดเพื่อทำ Big Cleaning อีก ทั้งที่ออฟฟิศก็ดูสะอาดดี แต่แท้จริงแล้ว การทำความสะอาดแบบ Big Cleaning นั้นมีความสำคัญต่อออฟฟิศเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการขจัดสิ่งสกปรกและสิ่งตกค้างที่ซ่อนอยู่ตามซอกหลืบและอุปกรณ์ต่างๆที่เราอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และพลาดในการทำความสะอาดไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้
ดังนั้น ออฟฟิศที่มีมาตรฐานที่ดีจึงควรทำความสะอาดแบบ Big Cleaning เป็นประจำตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อให้ออฟฟิศสะอาดหมดจด ปราศจากเชื้อโรคและแบคทีเรีย และปลอดภัยต่อสุขภาพของพนักงานและลูกค้า
การทำความสะอาดแบบ Big Cleaning แตกต่างจากการทำความสะอาดปกติอย่างไร?
อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า การทำความสะอาดแบบปกตินั้น อาจไม่เพียงพอสำหรับการขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่ซ่อนอยู่ตามซอกหลืบและอุปกรณ์ต่างๆ ในออฟฟิศ ดังนั้น การทำความสะอาดแบบ Big Cleaning หรือ Deep Clean ออฟฟิศเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญ
แล้วการทำความสะอาดแบบ Big Cleaning แตกต่างจากการทำความสะอาดปกติอย่างไร? แน่นอนอยู่แล้วว่าการทำความสะอาดทั้ง 2 แบบนี้ต้องมีความแตกต่าง เนื่องจากการทำความสะอาดแบบ Big Cleaning คือการทำความสะอาดแบบ Deep Clean ซึ่งหมายถึงการทำความสะอาดแบบละเอียดและล้ำลึก ซึ่งจะทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึงกว่าการทำความสะอาดแบบปกติเป็นอย่างมาก โดย 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้ทั้งการทำความสะอาดทั้ง 2 ประเภทนี้แตกต่างกัน มีดังต่อไปนี้
1.ความครอบคลุม
การทำความสะอาดแบบ Big Cleaning จะครอบคลุมทุกพื้นที่ในออฟฟิศ และมีขั้นตอนการทำความสะอาดต่างๆที่มากกว่าการทำความสะอาดปกติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การทำความสะอาดแบบ Big Cleaning จะเน้นการทำความสะอาดอย่างทั่วถึงทุกซอกทุกมุม รวมไปถึงบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึงด้วยตนเอง เช่น เพดาน ฝ้าเพดาน ช่องระบายอากาศ และท่อน้ำทิ้ง เป็นต้น
2.อุปกรณ์การทำความสะอาด
การทำความสะอาดแบบ Big Cleaning จะใช้อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่หลากหลายมากกว่าการทำความสะอาดปกติ เพื่อทำให้สามารถทำความสะอาดตามแหล่งต่างๆในออฟฟิศได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้การทำความสะอาดเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบอุตสาหกรรมที่มีแรงการดูดที่สูง ซึ่งสามารถกำจัดเชื้อโรคและอนุภาคขนาดเล็กต่างๆ เช่น ฝุ่น pm 2.5 ได้อย่างหมดจด
โดยการทำความสะอาดแบบ Big Cleaning หรือ Deep Clean นั้น ไม่จำเป็นต้องทำอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว จะทำแค่เพียงปีละ 1 ถึง 2 ครั้งเท่านั้น หรืออาจจะบ่อยกว่าหรือเว้นระยะเวลานานกว่านั้นตามความต้องการและการใช้งานในออฟฟิศ ซึ่งเจ้าของออฟฟิศทุกท่านสามารถหมดห่วงได้ว่า การทำความสะอาดแบบ Big Cleaning จะไม่ไปรบกวนและลดประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในออฟฟิศอย่างแน่นอน