ฝากร้านฟรี , ลงประกาศขายของฟรี ติด google , ลงประกาศฟรี
		หมวดหมู่ทั่วไป => ฝากร้านฟรีโพสฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 18 มิถุนายน  2025, 15:32:53 น.
		
			
			- 
				อาการของโรคพยาธิใบไม้ตับ (Liver Fluke Disease / Opisthorchiasis) (https://doctorathome.com/disease-conditions)
 
 โรคพยาธิใบไม้ตับ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิชนิดหนึ่งชื่อว่า พยาธิใบไม้ตับ (Opisthorchis viverrini) ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญในประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ ที่มีพยาธิชนิดนี้ชุกชุม
 
 สาเหตุและการติดเชื้อ
 วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ตับค่อนข้างซับซ้อน:
 
 พยาธิตัวแก่: อาศัยอยู่ในท่อน้ำดีของคนหรือสัตว์ที่กินปลาที่มีพยาธิ เช่น สุนัข แมว
 ไข่พยาธิ: จะปนออกมากับอุจจาระของผู้ติดเชื้อ เมื่อไข่พยาธิลงสู่น้ำ จะถูกหอยน้ำจืดบางชนิดกินเข้าไป
 หอยน้ำจืด: ไข่พยาธิจะฟักตัวและเจริญเติบโตในหอยเป็นระยะตัวอ่อนเรียกว่า เซอร์คาเรีย (Cercaria)
 ปลาเกล็ดขาว: เซอร์คาเรียจะออกจากหอยและว่ายน้ำไปไชเข้าไปในตัวปลาเกล็ดขาวน้ำจืดบางชนิด เช่น ปลาตะเพียน ปลาซิว ปลาขาว และเจริญเป็นระยะตัวอ่อนระยะติดต่อเรียกว่า เมตาเซอร์คาเรีย (Metacercaria) ซึ่งจะเกาะตัวเป็นถุงหุ้มอยู่ในเนื้อปลา
 คน (และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ): ติดเชื้อจากการรับประทานปลาเกล็ดขาวดิบๆ สุกๆ ดิบๆ เช่น ปลาร้าดิบ, ก้อยปลา, ลาบปลาดิบ, ส้มตำปลาดิบ หรืออาหารอื่นๆ ที่มีเนื้อปลาที่ไม่ได้ปรุงให้สุก พยาธิเมตาเซอร์คาเรียจะเข้าไปในทางเดินอาหาร และเคลื่อนที่เข้าไปในท่อน้ำดีของตับ เพื่อเจริญเป็นพยาธิตัวแก่ต่อไป
 อาการของโรคพยาธิใบไม้ตับ
 ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยในระยะแรกของการติดเชื้อ หากมีอาการ มักเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจง:
 
 ระยะแรก (ติดเชื้อใหม่ๆ หรือมีพยาธิไม่มาก):
 
 อาจมีอาการปวดท้องใต้ชายโครงขวา
 ท้องอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย
 คลื่นไส้ เบื่ออาหาร
 อาจมีไข้ต่ำๆ
 ระยะเรื้อรัง (มีพยาธิจำนวนมาก หรือติดเชื้อมานาน): พยาธิจะไปอาศัยอยู่ในท่อน้ำดีและทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง รวมถึงการหนาตัวของผนังท่อน้ำดี ทำให้เกิดอาการรุนแรงขึ้น และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน:
 
 ปวดท้องรุนแรงขึ้น: โดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา
 ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน): หากพยาธิหรือการอักเสบไปอุดตันท่อน้ำดี
 ตับโต: คลำพบตับขยายขนาด
 ถุงน้ำดีอักเสบ หรือท่อน้ำดีอักเสบติดเชื้อซ้ำซ้อน: ทำให้มีไข้ หนาวสั่น ปวดท้องรุนแรง
 ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดคือ มะเร็งท่อน้ำดี (Cholangiocarcinoma): การอักเสบเรื้อรังจากพยาธิใบไม้ตับเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงและรักษาได้ยากหากพบในระยะลุกลาม
 
 การวินิจฉัย
 การซักประวัติ: แพทย์จะสอบถามประวัติการบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะปลาน้ำจืด
 การตรวจอุจจาระ: เป็นวิธีการวินิจฉัยที่ง่ายและแม่นยำที่สุด โดยการตรวจหาไข่พยาธิใบไม้ตับในอุจจาระ
 การตรวจเลือด: อาจพบความผิดปกติของค่าเอนไซม์ตับ หรือมีเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิล (Eosinophil) สูงขึ้น
 การตรวจภาพวินิจฉัย: เช่น อัลตราซาวนด์, CT Scan หรือ MRI ของช่องท้องและตับ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของท่อน้ำดี หรือตรวจหามะเร็งท่อน้ำดีในกรณีที่สงสัย
 
 การรักษา
 การรักษาหลักของโรคพยาธิใบไม้ตับคือ การใช้ยาถ่ายพยาธิ:
 
 ยา Praziquantel: เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าพยาธิใบไม้ตับ มักให้เพียงครั้งเดียว หรือแบ่งให้หลายครั้งตามน้ำหนักตัว
 การรักษาภาวะแทรกซ้อน: หากมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ท่อน้ำดีอักเสบติดเชื้อ ต้องให้ยาปฏิชีวนะ หรือหากมีการอุดตันท่อน้ำดี อาจต้องพิจารณาการรักษาด้วยการส่องกล้อง (ERCP) หรือการผ่าตัด
 
 
 การป้องกัน
 การป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการ:
 
 ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ: ควรปรุงปลาให้สุกด้วยความร้อนสูงเท่านั้น หรือปรุงด้วยวิธีการที่ทำให้พยาธิตาย เช่น ต้ม นึ่ง ทอด ปิ้ง ย่าง ด้วยความร้อนที่เพียงพอ
 สุขอนามัยที่ดี: ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
 สุขาภิบาลที่เหมาะสม: ไม่ขับถ่ายอุจจาระลงในแหล่งน้ำ หรือในบริเวณที่อาจปนเปื้อนแหล่งน้ำ
 ให้ความรู้: รณรงค์และให้ความรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เกี่ยวกับอันตรายของโรคพยาธิใบไม้ตับ และวิธีการป้องกัน
 
 การป้องกันพยาธิใบไม้ตับเป็นกุญแจสำคัญในการลดอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งท่อน้ำดีในประเทศไทย หากคุณสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดอาจมีความเสี่ยง หรือมีอาการที่เข้าข่าย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมครับ