เที่ยววัดเขากะโหลก เที่ยวปราณบุรี ไหว้ขอพร หลวงพ่อหว่าง อุตุตโมเที่ยวปราณบุรี หาดสวย น้ำใส แห่งเขากระโหลก ซึ่งวันนี้จะพาท่านผู้ชมทุกท่าน ได้ไปชมความงาม ของทะเลปราณ หาดเขากระโหลก และไปเที่ยววัดเขากระโหลก วิหารสีทองสวยแปลกตา ไหว้สักการะขอพรหลวงพ่อหว่าง และตำนานจระเข้จักรพรรดิ์สมบัติ ที่มาของธงจระเข้ ในช่วงเทศกาลทอดกฐิน นั่นเอง
ทะเลปราณบุรี อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ และมีบรรยากาศของลมทะเล ที่พัดโชยตลอดทั้งวัน แต่ทว่า เมื่อเราเดินทางมาถึงที่สำคัญคือ วัดเขากระโหลก ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ด้านหลังของเขากะโหลก ริมทะเลปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะว่าไปแล้วขณะที่ทางไร่หนึ่งอรุณไปนั้น จะมองเห็นชายหาดที่มีเรือจอดเทียบท่าหลายลำมาก มองเห็นทั้งเขากระโหลก โขดหิน ชายหาด และ เรือหลายลำเรียกได้ว่า เป็นภาพที่สวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ของชายหาดเขากระโหลกแห่งนี้ ที่สำคัญ ลมพัดเย็นสบาย
เที่ยวปราณบุรี เที่ยววัดเขากระโหลก
หากมาเที่ยวที่อำเภอปราณบุรี ที่ควรต้องแวะอีกที่หนึ่ง คือ “วัดเขากะโหลก” โดยเป็นวัดที่ตั้ง อยู่ด้านหลังของเขากะโหลกริมทะเลปราณบุรี ต.ปากน้ำปราณ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ จุดเด่นของวัดเขากะโหลกแห่งนี้คือ ความสวยงามของโบสถ์ และวิหารสีทอง ลวดลายสวยงามแปลกตา ทำให้มีนักท่องเที่ยวมากมาย ต้องแวะมาถ่ายรูป และกราบสักการะ หลวงพ่อหว่าง อุตุตโม
ที่บริเวณด้านหน้าของวัด จะมีภูเขาหิน และมีรูปปั้นของพญานาค 2 ตน ที่ปล่อยน้ำพุ ลงสู่อ่างน้ำ เป็นอีกมุมหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูป เพื่อเก็บเป็นความทรงจำในการเดินทางมาที่วัดเขากระโหลกแห่งนี้
“วัดเขากะโหลก” หรือ “วัดสุมนาวาส” อยู่ใกล้กับชายหาดเขากะโหลก วัดนี้ มีวิหารสีทองอร่าม มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมที่แปลกตากว่าวิหารอื่นๆ และลวดลายของพระวิหารและกำแพงที่รายล้อมอย่างสวยงาม บรรยากาศร่มรื่น จะเห็นธรรมชาติรอบๆ พระวิหาร มองเห็นทั้งภูเขาหิน ที่ร่มรื่น และยังมองเห็นภูเขาสามร้อยยอดอยู่รอบด้าน
สำหรับด้านหน้าของวิหารนั้น จะมียักษ์ 2 ตน เฝ้าหน้าประตูวัด ซึ่งเป็นยักษ์ที่สีเหลืองทองอร่าม ด้านหลังมีรูปปั้นของพระพิฆเนศ อยู่บริเวณกำแพง ด้านในวิหารสีทองที่สวยงามนั้น จะมีรูปเหมือนของรัชกาลที่ 5 และมีรูปเหมือนขององค์หลวงพ่อหว่าง อุตุตโม เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดเขากะโหลกแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่สักการะ บูชา ขอพร ของชาวบ้านระแวกนี้อีกด้วย ทำให้มีผู้คนมากมาย ที่ได้แวะเวียนมาระแวกนี้ และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมความงามของวัดแห่งนี้ และได้กราบไหว้สักการะ หลวงพ่อหว่าง อุตตโม กันตลอดทั้งวันอย่างไม่ขาดสาย
ประวัติหลวงพ่อหว่าง อุตุตโม
หลวงพ่อหว่าง อุตุตโม ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสรูปแรก ของวัดปากคลองปราณ เกิดปี พ.ศ.2395 ที่หมู่บ้านหนองไม้แดง ต.หนองข้าวเหนียว อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีพี่น้องท้องเดียวกัน 3 คน ท่านเป็นบุตรชายคนเดียว ทางบ้านมีฐานะดี จึงได้รับการตามใจ นิสัยจึงออกไปทางนักเลง ไม่กลัวใคร ท่านไม่เรียนหนังสือ จึงไม่สามารถอ่านเขียนได้
แต่ท่านมีความสามารถพิเศษ คือการเขียนตัวหนังสือตลุงที่สวยงามมาก ได้เข้าอุปสมบทเมื่ออายุได้ 35 ปี ที่วัดนาห้วย ท่านเป็นคนมีความจำแม่นยำ ทั้งที่อ่านหนังสือไม่ออก ท่านพยายามท่องจำตามคำบอกของพระ จนสามารถท่องจำการขานนาค และบวชได้ในพรรษานั้น และได้เริ่มศึกษาพระธรรมวินัย อีกทั้งเรียนหนังสือไทยขอม(หนังสือใหม่) สวดมนต์ต่างๆ ได้อย่างแตกฉาก
ต่อมาท่านได้ย้ายมาอยู่วัดบ้านคอยเดิม จากนั้นได้ย้ายมาสร้างวัดใหม่คือ วัดปากคลองปราณ โดยมีชาวบ้านถิ่นนั้น ได้ถวายที่ดินให้สร้างวัดขึ้นโดยความร่วมมือร่วมใจกัน ท่านนับเป็นยอดหนึ่ง ในสามร้อยยอดของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะมีหลวงพ่อนาควัดหัวหิน หลวงพ่อเปี่ยมวัดเกาะหลัก และหลวงพ่อหว่างวัดปากคลองปราณ ซึ่งทั้งสามรูปเป็นศิษย์วัดนาห้วยทั้งสิ้น
หลวงพ่อหว่างได้มีวิชาพุทธาคมมาก โดยเรียนกับหลวงพ่อมาก(หลวงพ่อในกุฎิ) วัดกุยบุรี และหลวงพ่อสุข(วัดปากคลองมะขามเฒ่า) จ.ชัยนาท ท่านได้เรียนวิชาแพทย์ มหาประสานคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดมหาอทุตยด และมหายาศาสตร์ต่างๆ อีกทั้งยังเรียนวิชาเสื้อยันตี จากหลวงพ่อจู วัดนาห้วย วิชาจินดามนต์ จากหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ที่แม่กลอง จนได้วิชาแก่งกล้าและแตกฉาน
หลวงพ่อหว่าง จึงเป็นที่เคารพ และนับถือ ของชาวเมืองปราณบุรี และชาวประจวบคีรีขันธ์เป็นอย่างมาก ท่านได้มรณภาพ เมื่อปี พ.ศ.2460 รวมอายุได้ 65 ปี 30 พรรษา เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวปากน้ำปราณ และชาวประจวบคีรีขันธ์
เที่ยววัดเขากระโหลก
ตำนานของวัด สมบัติจระเข้จักรพรรดิ์
ตำนานสมบัติจระเข้จักรพรรดิ์ ซึ่งปรากฎอยู่ในธงรูปจระเข้ ในงานทอดกฐิน ตามวัดต่างๆ สำหรับที่วัดเขากระโหลกนั้น ในงานทอดกฐินก็จะปรากฎเป็นธงเดียวกันที่เป็นรูปจระเข้จักรพรรดิ์ โดยมีตำน่านของจระเข้จักรพรรดิ์ เล่าไว้ว่า…
เมื่อสมัยก่อนนั้น ซึ่งนานมาแล้ว จะมีเศรษฐีขี้เหนียวคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่ร่ำรวยมาก แต่ทว่า เขาไม่ค่อยทำบุญทำทาน เมื่อเขาได้เงินทองมาเท่าไหร่ก็จะรวบรวมเงินทองเหล่านั้น นำมาใส่โอ่งแล้วจึงนำไปฝังไว้ที่ท่าน้ำ โดยไม่ให้ใครรู้เห็นมาก่อน
แต่แล้วครั้นเมื่อเศรษฐีตายไป ด้วยความที่จิตยังคงผูกพันธ์กับทรัพย์สมบัติ จึงได้เกิดไปเป็นจระเข้ วนเวียนเฝ้าสมบัติของตนอยู่ที่ท่าน้ำหน้าบ้านของตนเอง แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง จระเข้ตนนี้ ก็ได้ไปเข้าฝันลูกชาย ได้บอกล่าว่าตนเองได้เกิดเป็นจระเข้ และได้บอกถึงที่ซ่อนของสมบัติ และสั่งให้ลูกชายนำเอาสมบัติที่ตนเองนั้นฝังเอาไว้ที่ท่าน้ำนั้น ให้นำไปทอดกฐิน และ สร้างกุศลที่เป็นประโยชน์แด่พระพุทธศาสนา
หลังจากนั้น ลูกชาย เมื่อตื่นจากฝัน ก็รีบไปค้นหาสมบัติตามความฝัน และในที่สุดก็พบ และเขาก็ได้นำสมบัติเหล่านั้น ที่พ่อเขาได้เก็บฝังเอาไว้ จะนำไปทอดกฐินโดยจะแห่ไปทางเรือ ระหว่างที่เดินทางนำองค์กฐินแห่ไปทางเรือนั้น จระเข้ตัวนั้นผู้เป็นพ่อ ก็ว่ายน้ำตามไปด้วย ว่ายน้ำไปได้สักพักหนึ่ง จึงบอกแก่ภรรยาว่า ตนตามไปด้วยไม่ได้แล้ว เพราะเหนื่อยอ่อนเต็มที ใกล้จะหมดแรงแล้ว
บุตรและภรรยา จึงตัดสินใจวาดรูปจระเข้ที่ธง แล้วยกขึ้นไว้ในวัดที่ไปทอดกฐิน เมื่อพระสวดให้พรจบ จระเข้ตัวนั้นก็ขาดใจตาย ผลอานิสงค์จากการทำบุญกฐิน ในครั้งนี้ จึงส่งผลให้จระเข้ตนนั้น ได้เกิดไปเป็นเทพที่ร่ำรวย และท่านได้ดลบันดาลให้คนที่เคารพท่าน และทำความดี ได้ทำมาค้าขึ้น ปลอดภัยต่ออันตรายทั่งปวง
นับตั้งแต่นั้นมา ธงรูปจระเข้จักรพรรดิ์ จึงปรากฏตามวัดต่างๆ เวลามีการทอดกฐิน ซึ่งว่ากันว่าจระเข้ที่วัดเขากระโหลก ก็เป็นจระเข้จักรพรรดิ์ตัวเดียวกันกับจระเข้บนธงในงานทอดกฐินนั่นเอง