คุณสมบัติของท่อลมร้อน ตามมาตรฐานสากล

[siritidaphon]

คุณสมบัติของท่อลมร้อน ตามมาตรฐานสากล

แม้ว่าจะไม่มี "มาตรฐานสากล" เพียงมาตรฐานเดียวที่ครอบคลุมทุกด้านของท่อลมร้อน แต่ก็มีมาตรฐานและแนวปฏิบัติต่างๆ ที่ใช้ทั่วโลกเพื่อรับรองคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ มาตรฐานเหล่านี้มักจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและการใช้งาน ต่อไปนี้คือรายละเอียดของประเด็นสำคัญและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง:

1. มาตรฐานวัสดุ:

เหล็ก:
ASTM A653:ข้อกำหนดมาตรฐานสำหรับแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี (สังกะสีเคลือบ) หรือเคลือบโลหะผสมสังกะสี-เหล็ก (สังกะสีเคลือบสังกะสี) โดยกระบวนการจุ่มร้อน มักใช้กับงานท่อ  
EN 10346:ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นสำหรับการขึ้นรูปเย็น - เงื่อนไขการส่งมอบทางเทคนิค มาตรฐานยุโรปนี้ครอบคลุมเกรดเหล็กต่างๆ ที่ใช้ในงานท่อ
อะลูมิเนียม:มาตรฐานแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค (เช่น ASTM B209 ในสหรัฐอเมริกา EN 485 ในยุโรป) โดยระบุคุณสมบัติของแผ่นและแผ่นอะลูมิเนียมที่ใช้สำหรับท่อ

ท่ออ่อนแบบยืดหยุ่น:
UL 181:มาตรฐานสำหรับท่อลมและตัวเชื่อมต่อลมที่ผลิตจากโรงงาน มาตรฐานของอเมริกาเหนือนี้ครอบคลุมข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับท่อลมแบบยืดหยุ่น
EN 13180:ระบบระบายอากาศสำหรับอาคาร - ท่อส่งลม - ขนาดและข้อกำหนดทางกลสำหรับท่ออ่อน มาตรฐานยุโรปนี้ระบุข้อกำหนดสำหรับท่ออ่อน
ท่อใยแก้ว:
มาตรฐานการก่อสร้างท่อใยแก้ว SMACNA: มาตรฐานอเมริกาเหนือเหล่านี้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างและการติดตั้งท่อใยแก้ว
มาตรฐานการก่อสร้างท่อใยแก้วของ NAIMA:เช่นเดียวกับ SMACNA สมาคมผู้ผลิตฉนวนแห่งอเมริกาเหนือกำหนดมาตรฐานสำหรับท่อใยแก้ว
2.มาตรฐานการก่อสร้างและการติดตั้ง:

มาตรฐานการก่อสร้างท่อ HVAC ของ SMACNA - โลหะและความยืดหยุ่น: นี่เป็นมาตรฐานของอเมริกาเหนือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการผลิตและการติดตั้งท่อโลหะและท่อแบบยืดหยุ่น
EN 1505:การระบายอากาศสำหรับอาคาร - ท่ออากาศแผ่นโลหะที่มีหน้าตัดสี่เหลี่ยมผืนผ้า - ข้อกำหนดด้านความแข็งแรงและการรั่วซึม มาตรฐานยุโรปนี้กำหนดข้อกำหนดสำหรับท่ออากาศสี่เหลี่ยมผืนผ้า
EN 12237:การระบายอากาศสำหรับอาคาร - ท่อส่งลม - ความแข็งแรงและการรั่วซึมของท่อโลหะแผ่นกลม มาตรฐานยุโรปนี้กำหนดข้อกำหนดสำหรับท่อกลม
ICC International Mechanical Code (IMC):รหัสนี้ใช้ในหลายส่วนของสหรัฐอเมริกา โดยอ้างอิงมาตรฐานต่างๆ สำหรับการก่อสร้างและการติดตั้งท่อลม
ICC International Residential Code (IRC):คล้ายกับ IMC แต่มุ่งเน้นไปที่การใช้งานที่อยู่อาศัย และยังรวมถึงข้อกำหนดด้านท่อด้วย
3. มาตรฐานการปฏิบัติงานและการทดสอบ:

EN 15727:การระบายอากาศสำหรับอาคาร - ท่อและส่วนประกอบของท่อ การจำแนกและการทดสอบการรั่วไหล มาตรฐานยุโรปนี้ระบุข้อกำหนดการรั่วไหลและวิธีการทดสอบท่อนำอากาศ  
ISO 15138:การระบายอากาศของอาคาร - ท่อลม - การวัดอัตราการไหลของอากาศในพื้นที่ มาตรฐานสากลนี้กำหนดวิธีการวัดการไหลของอากาศในระบบท่อ
มาตรฐาน AMCA (Air Movement and Control Association International):แม้จะไม่เฉพาะเจาะจงกับท่อ แต่มาตรฐาน AMCA ก็ครอบคลุมถึงการทดสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์จัดการอากาศที่เชื่อมต่อกับท่อ (เช่น พัดลม แผ่นปิดช่องลม)


4. มาตรฐานความปลอดภัยจากอัคคีภัย:

UL 181:ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ มาตรฐานของอเมริกาเหนือนี้รวมถึงข้อกำหนดด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัยสำหรับท่อที่ผลิตจากโรงงาน
EN 13501-3:การจำแนกประเภทผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและองค์ประกอบอาคารที่ทนไฟ - ส่วนที่ 3: การจำแนกประเภทโดยใช้ข้อมูลจากการทนไฟการทดสอบส่วนประกอบของการติดตั้งบริการอาคารทั่วไป: ท่อทนไฟและไฟและแผ่นปิดควัน มาตรฐานยุโรปนี้กำหนดระดับความทนไฟของท่อส่งลม  
EN 13501-4:การจำแนกประเภทผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและองค์ประกอบอาคารที่ทนไฟ - ส่วนที่ 4: การจำแนกประเภทโดยใช้ข้อมูลจากการทนไฟการทดสอบระบบควบคุมควันและการระบายอากาศ มาตรฐานยุโรปนี้จัดประเภทความต้านทานไฟของท่อควบคุมควัน  

 
คุณสมบัติหลักที่ครอบคลุมโดยมาตรฐานเหล่านี้:

คุณสมบัติของวัสดุ:ประเภทวัสดุท่อ ความหนา และการเคลือบผิว
วิธีการก่อสร้าง:ประเภทของตะเข็บ รายละเอียดของข้อต่อ และข้อกำหนดการเสริมแรง
ระดับความดัน:ความดันบวกและลบสูงสุดที่ท่อสามารถทนได้
อัตราการรั่วไหล:การรั่วไหลของอากาศที่อนุญาตผ่านท่อ
ความต้านทานไฟ:ความสามารถของท่อส่งลมในการทนต่อไฟได้ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด
ความต้านทานการไหลของอากาศ:ลักษณะการลดแรงดันระหว่างส่วนประกอบของท่อ
ประสิทธิภาพเสียง:คุณสมบัติในการลดเสียง (สำหรับท่อเฉพาะบางท่อ)
ความคลาดเคลื่อนของมิติ:การเปลี่ยนแปลงที่อนุญาตได้ในขนาดและรูปร่างของท่อลมร้อน


โดยสรุป แม้ว่าจะไม่มี "มาตรฐานสากล" ที่ครอบคลุมสำหรับท่อลมร้อนเพียงมาตรฐานเดียว แต่คุณสมบัติของท่อลมร้อนนั้นต้องอาศัยมาตรฐานเฉพาะภูมิภาคและมาตรฐานเฉพาะด้านวัสดุควบคู่กันเมื่อระบุหรือติดตั้งท่อลมร้อน สิ่งสำคัญคือต้องอ้างอิงมาตรฐานที่เกี่ยวข้องโดยพิจารณาจากการใช้งาน ตำแหน่ง และข้อกำหนดเฉพาะของโครงการ การปรึกษาหารือกับวิศวกรด้าน HVAC และปฏิบัติตามกฎหมายอาคารในท้องถิ่นถือเป็นสิ่งสำคัญในการรับรองระบบที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ